656-1
พนันบาคาร่าเว็บดีที่กำลังมาแรง

ข้อมูล และประวัติของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ ที่พาทีม ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี และว่ากันว่า เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ คือแนวรับที่ดีที่สุดในยุคนี้

ข้อมูลส่วนตัว

ชื่อเต็ม : เฟอร์กิล ฟาน ไดค์

เกิด : 8 กรกฎาคม 1991 (2534) เมืองเบรด้า ประเทศเนเธอร์แลนด์

อายุ : 29 ปี

สัญชาติ : เนเธอร์แลนด์

ตำแหน่ง : เซนเตอร์ฮาล์ฟ

ส่วนสูง : 193 เซนติเมตร

เส้นทางลูกหนัง

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ เกิดที่เมืองเบรด้า ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทำให้เขาเป็นคนเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่เกิด โดยพ่อของฟาน ไดค์ เป็นคนดัตช์ ส่วนแม่เป็นคนจากประเทศซูรินาม ประเทศบริเวณทวีปอเมริกาใต้ ทำให้เขามีเชื้อสาย ซูรินาม จากคุณแม่ อีกด้วย

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์  นั้นหลงรักในกีฬาลูกหนังมาตั้งแต่เด็กๆ และมีความฝันที่จะเป็นนักเตะอาชีพให้ได้ เพื่อที่จะหารายได้มาช่วยเหลือครอบครัว จนกระทั่ง ฟาน ไดค์  มีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในศูนย์ฝึกของทีม วิลเล่ม ทเว ทู ในปี 2009 และที่นี่เองที่เป็นที่แรกที่เขาได้ฝึกฟุตบอลแบบจริงๆ จังๆ

แต่ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์  ก็อยู่ที่นี่ได้เพียงแค่1 ปี เท่านั้น เพราะด้วยฝีเท้า หรือสโมสรใหม่จะเล็งเห็นอะไรก็ตามแต่ เขาก็ได้ย้ายไปอยู่กับ ทีมโกรนิงเก้น ทีมลูกหนังชื่อดังในลีกฮอลแลนด์ ในปีถัดมา ซึ่งในช่วงแรกนั้นเขายังได้ลงเล่นในระดับเยาวชนอยู่ จนกระทั่ง ในปี 2011 เฟอร์กิล ฟาน ไดค์  ถูกดันขึ้นเล่นในทีมชุดใหญ่ และได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะระดับอาชีพแบบเต็ม

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ได้ลงสนามเกมแรกในฐานะนักเตะอาชีพ ในเกมที่เจอกับ เดน ฮาก เมื่อวันที่ 1 เมษายน ปี 2011 โดยเจ้าตัวลงเล่นในฐานะนักเตะตัวสำรอง นาทีที่ 72 ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของเขา และหลังจากนั้นฟาน ไดค์ก็ค่อยๆ พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างโดดเด่น และกลายเป็นนักเตะหลักของทีม ซึ่งเจ้าตัวลงเล่นไปมากกว่า 63 นัด ระหว่าง ปี 2011-2013

และหลังจากนั้นด้วยฝีเท้าอันยอดเยี่ยมนี้เอง ทำให้ กลาสโกว์ เซลติก ทีมยักษ์ใหญ่จากลีกสกอตแลนด์ จากนั้นทัพ “ม้าลายเขียวขาว” ก็เดินหน้าเพื่อทาบทามตัวไปร่วมทีม และจัดการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ เมื่อ วันที่ 21 มิถุนายน 2013 ด้วยค่าตัวเพียง 2.6 ล้านปอนด์ เท่านั้น โดยเป็นการเซ็นสัญญาถึง 4 ปี เลยทีเดียว

เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ สามารถยิงประตูแรกให้กับ ทีมเซลติก ในเกมที่ทีมทุบเอาชนะ รอสส์ เคาน์ตี้ ไปแบบขาดลอย 4-1 ในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2013 ซึ่งเขาทำประตูได้ด้วยลูกโหม่งนั่นเอง และเมื่อจบซีซั่นนี้เขาก็มีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก และยังถูกเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมของลีกทันที ทั้งๆ ที่ย้ายมาเล่นเพียงแค่ปีแรกเท่านั้น

หลังจากตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมเซลติก ก็กลับมามุ่งมั่นในลีก และ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ก็ยังเป็นกำลังสำคัญของทีม โชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง จนช่วยให้ทีมสามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้ง สกอตติช พรีเมียร์ชิพ และ สกอตติช ลีก คัพ

เส้นทางลูกหนังของ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ มุ่งหน้ามาสู่พรีเมียร์ลีกแบบชัดเจน เมื่อ ทีมเซาแฮมป์ตัน ชื่อดังลีกอังกฤษ ได้ทาบทามตัวเขามาร่วมทีม และในวันที่ 1 กันยายน 2015 ทีม “นักบุญ” ภายใต้การคุมทีมของกุนซือ โรนัลด์ คูมัน ชาติเดียวกัน ก็ได้ต้อนรับเขาเข้าสู่ทีม ด้วยค่าตัวในการย้ายประมาณ 13 ล้านปอนด์

หลังจากย้ายมา เจ้าตัวก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดแรกที่ลงสนามเลยทันที ในวันที่ 12 กันยายน 2015 โดยเกมนั้นทีม เซาแฮมป์ตัน เสมอกับทีม เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 0-0

และเพียงเกมที่ 2 ของ ฟาน ไดค์ ภายใต้สีเสื้อ “นักบุญ” เขาก็สามารถยิงประตูแรกให้กับทีมได้เลย โดยเจ้าตัวสามารถยิงประตูคู่แข่งได้ในเกมที่ทีมเอาชนะ สวอนซี ซิตี้ ไปได้ แแบบสวยงาม 3-1

และฤดูกาลถัดมา เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ถูกแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีม แทนที่ โชเซ่ ฟอนเต้ กัปตันคนเก่าที่ย้ายออกจากทีมไป และในฤดูกาลนี้ฟาน ไดค์ก็ยังโชว์ฟอร์มเล่นได้อย่างแข็งแกร่งเหมือนเดิม และช่วยพาเซาแฮมป์ตัน จบอันดับที่ 8 ของตาราง

หลังจากจบฤดูกาลนี้ ฟาน ไดค์ ก็กลายเป็นนักเตะเนื้อหอม หลายทีมในยุโรปต้องการคว้าตัวเขาไปร่วมทีม โดยเฉพาะทีม ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมของของ กุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่กำลังสร้างทีมเพื่อทวงความยิ่งใหญ่คืนมา และให้ความสนใจแบบจริงจังอย่างมาก

แต่ว่า เรื่องมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว เมื่อทีม ลิเวอร์พูล   ให้ความสนใจในตัว ฟาน ไดค์ มากจนเกินไป และเหมือนจะแอบติดต่อแบบผิดกฎ ทำให้ทีม เซาแฮมป์ตัน ไม่พอใจอย่างมาก  จนทางทีม ลิเวอร์พูล ต้องออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการ และสัญญาว่าจะไม่ทำการซื้อตัวนักเตะมาร่วมทีมในฤดูกาลนี้ แต่ทาง ฟาน ไดค์  ยังมีความปรารถนาแบบแรงกล้า ที่จะย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ในถิ่นแอนฟิลด์ ให้ได้

จนมาถึง ซีซั่น 2017-2018 เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ยังต้องลงเล่นให้กับ ทีมเซาแฮมป์ตัน แต่ว่าด้วยเหตุผล ที่เขาแสดงความไม่พอใจที่ไม่ได้ย้ายทีม ทำให้ถูกสโมสรดร็อปเป็นตัวสำรอง รวมถึงบางนัดก็ไม่ส่งชื่อลงเล่นเลย จนกระทั่งถึงตลาดซื้อขายนักเตะเดือนมกราคม สโมสรลิเวอร์พูล ก็ได้ทำการติดต่อเพื่อซื้อตัวเขาอีกครั้ง ซึ่งทางต้นสังกัดของนักเตะก็เรียกค่าตัวมหาศาลถึง 75 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นค่าตัวของนักเตะกองหลัง ที่แพงที่สุดในโลกในเวลานั้น

และแล้ว ในวันที่ 27 ธันวาคม 2017เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ก็ได้ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของทัพ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล อย่างเป็นทางการ และทำให้เขากลายเป็นนักเตะกองหลังที่มีค่าตัวสูงที่สุดในโลกในเวลานั้น อีกด้วย

เมื่อ ทัพ”หงส์แดง” ได้ตัว เฟอร์กิล  ฟาน ไดค์ มาร่วมทีม ทำให้แนวรับของทีมแข็งแกร่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และฟาน ไดค์ สามารถเล่นร่วมกับ เดยัน ลอฟเรน ได้อย่างแข็งแกร่ง และลงตัวสุดๆ จนสามารถพาทีมเข้าชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อีกด้วย แต่ว่าทีมก็ต้องอกหักเมื่อแพ้ในนัดชิงชนะเลิศให้กับทีมราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ไปแบบสุดเจ็บใจ 3-1 พลาดถ้วยรางวัลอย่างน่าเสียดาย

และฤดูกาล 2018-2019 ถือเป็นซีซั่นที่2 ของ ฟาน ไดค์ กับ หงส์แดง ซึ่งฤดูกาลนี้นี่เองที่เจ้าตัวสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นกองหลังอันดับ 1 ของโลก อย่างแท้จริง เมื่อ ฟาน ไดค์ กลายเป็นนักเตะตัวหลักของทีมที่จะขาดไม่ได้เลย และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมมาก ช่วยให้เกมรับของทีมเสียประตูยากมาก จนทีมทะยานเข้าไปชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อีกครั้ง และครั้งนี้ ทีม “หงส์แดง” ก็ไม่พลาด เมื่อจัดการเอาชนะ ทีมไก่เดือยทอง สเปอร์ส คู่แข่งร่วมลีก ไปได้แบบสบาย 2-0 คว้าถ้วยรางวัลใหญ่มาปลอบใจ เพราะก่อนหน้านี้ทีมเพิ่งอกหัก พลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยการมีแต้มตามหลังทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียงแค่ 1 คะแนนเท่านั้น

หลังจากพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก อย่างสุดเจ็บช้ำ ฤดูกาลต่อมา เฟอร์กิล  ฟาน ไดค์ และพลพรรค หงส์แดง ก็เก็บเอาความแค้นมาเป็นเชื้อไฟ และทำให้ทีมเดินหน้าเก็บชัยชนะได้อย่างร้อนแรงตั้งแต่นัดแรกของฤดูกาล ทำคะแนนทิ้งห่างคู่แข่งเรื่อยๆ จนเมื่อมาถึงครึ่งฤดูกาล หลายๆ คนก็แทบจะยกแชมป์ให้กับพวกเขาแล้ว เพราะคะแนนค่อนข้างขาดจากทีมที่ไล่ตามมามากเหลือเกิน

และเพียงหลังจากการกลับมาแข่งได้ไม่กี่วันทีม ลิเวอร์พูล ก็สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้อย่างเป็นทางการ ในคืนวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน 2563 (ตามเวลาประเทศไทย) หลังจากที่ ทีม เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บุกไปพ่ายให้กับ ทีมเชลซี 1-2 ทำให้แต้มของ “เรือใบสีฟ้า” ขาดลอย และตามไม่ทันแล้ว

และการคว้าแชมป์ในครั้งนี้ ก็ถือเป็นการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกของ เฟอร์กิล  ฟาน ไดค์ อีกด้วย

ผลงานทีมชาติ

เฟอร์กิล  ฟาน ไดค์ ลงเล่นในนามทีมชาติ มาตั้งแต่รุ่นเยาวชน ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลงสนาม เขาลงเล่นในรุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี เมื่อปี 2011 จากนั้น ก็ขยับมาเล่นในชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ในปี 2011-2013

จนถึง 2015 ช่วงที่ฟาน ไดค์ ค้าแข้งให้กับทีม เซาแฮมป์ตัน เขาก็ได้รับโอกาสถูกเรียกตัวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชาติฮอลแลนด์ ชุดใหญ่เป็นครั้งแรก และได้ลงสนามเกมแรก ในวันที่ 10 ตุลาคม 2015 ในแมตช์ที่ทีม ฮอลแลนด์ บุกไปเฉือนชนะ คาซัคสถาน 2-1 ในศึกยูโร รอบคัดเลือก นั่นเอง

และถึงเวลานี้ ฟาน ไดค์ ได้ลงรับใช้ทีมชาติชุดใหญ่ไปแล้ว 34 นัด และยิงได้ 4 ประตู และเขายังช่วยให้ ทีมฮอลแลนด์ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายศึกยูโร 2020 ได้สำเร็จ หลังจากที่ทีม “อัศวินสีส้ม” ไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายทัวร์นาเมนต์ ระดับ เมเจอร์ 2 รายการติด นับตั้งแต่ ศึกยูโร 2016 ต่อด้วย ฟุตบอลโลก 2018

เกียรติประวัติ

กลาสโกว์ เซลติก :

  • แชมป์ สกอตติช พรีเมียร์ชิพ 2 สมัย : 2013-2014 , 2014-2015
  • แชมป์ สกอตติช ลีก คัพ 1 สมัย : 2014-2015

ลิเวอร์พูล :

  • แชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย : 2019-2020
  • แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย : 2018-2019
  • แชมป์สโมสรโลก 1 สมัย : 2019
  • แชมป์ ยูฟ่า ซูปเปอร์คัพ 1 สมัย : 2019

รางวัลส่วนตัว :

    • ติดทีมยอดเยี่ยม สกอตติช พรีเมียร์ชิพ : 2013-2014 , 2014-2015
    • นักเตะยอดเยี่ยม PFA : 2018-2019
    • นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี ของยูฟ่า : 2018-2019
    • กองหลังยอดเยี่ยม ของยูฟ่า : 2018-2019
    • ติดทีมยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก : 2019-2020

 

 

สมัครสมาชิก รับโปรโมชั่นฟรี

สมัครสมาชิก รับเสื้อฟรี
สมัครสมาชิก รับแก้วฟรี
สมัครสมาชิก รับหมอนฟรี